|
1. การกำจัดวัชพืช |
- ไถและพรวนดินอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนปลูก
- ใช้แรงงาน ขุด ถาก ดาย หรือตัดวัชพืชที่ขึ้นในแถวยาง และควรทำก่อนวัชพืชออกดอก
- ใช้วัสดุคลุมดิน โดยนำวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ เช่น เปลือกถั่ว
ฟางข้าว ซังข้าวโพด หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เป็นต้น คลุมโคน
ต้นยางเฉพาะต้น หรือตลอดแถว เว้นระยะพอควรไม่ชิดโคนต้นยาง
- ปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่ว ได้แก่ คาโลโปโกเนียม เซนโตรซิมา
เพอราเรีย และซีรูเลียม ห่างจากแถวยางประมาณ 2 เมตร
- พ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชตามคำแนะนำ เช่น พาราควอต ไกลโฟเสต
|
2. การปลูกพืชคลุม |
การปลูกพืชคลุมดินระหว่างแถวยางเป็นวิธีหนึ่งที่ควบคุมการเจริญเติบโตของวัชพืช
และลดการชะล้างและพังทลายของ ดิน เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ตลอดจนสามารถปรับปรุงโครงสร้างและเพิ่มธาตุอาหารในดินด้วย |
|
ชนิดของพืชคลุมที่ปลูกในสวนยาง |
พืชคลุมดินตระกูลถั่วที่ใช้ปลูกในสวนยางที่สำคัญมี
4 ชนิด คือ Calopogonium mucunoides Pueraria phaseoloides Centrosema
pubescens Calopopanium caeruleaum เนื่องจากลักษณะและการเจริญเติบโตของพืชคลุมดิน
แต่ละชนิดแตกต่างกัน การปลูกพืชคลุมดิน ให้คลุมตลอดอายุต้นยางอ่อน
ควรปลูกหลายชนิดรวมกัน และเมล็ดพันธุ์พืชคลุม ควรมีความงอกร้อยละ
80 ขึ้นไป |
|
การเตรียมเมล็ดพันธุ์พืชคลุม |
เมล็ดพืชคลุมมีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็งทำให้น้ำซึมผ่านเข้าไปในเมล็ดยาก
เมื่อนำไปปลูกเมล็ดจะงอกน้อย จึงควรกระตุ้น ให้เมล็ดงอกดีขึ้นโดยปฏิบัติดังนี้ |
- แช่ในน้ำอุ่น ใช้ปฏิบัติกับเมล็ดพืชคลุมคาโลโปโกเนียม
เซ็นโตรซีมา และเพอราเรียนำไปแช่ในน้ำอุ่น (น้ำเดือด : น้ำเย็น
อัตรา 2 : 1) นาน 2 ชั่วโมง นำเมล็ดไปผึ่งให้แห้งหมาด ๆ แล้วนำไปคลุกกับหินฟอสเฟต
(25% Total P2O5) เพื่อนำไปปลูกต่อไป ควรเตรียมเมล็ดพืชคลุมเพื่อปลูกให้หมดในแต่ละครั้ง
การเก็บไว้นานเกินไป จะทำให้ความงอก เสื่อมลง
- แช่ในน้ำกรด
ใช้ปฏิบัติกับเมล็ดซีรูเลียม โดยแช่ในกรดกำมะถันเข้มข้นนาน
1 นาที นำไปล้างน้ำแล้วผึ่งให้แห้ง
|
|
ช่วงเวลาการปลูกพืชคลุม |
ควรปลูกพร้อมกับปลูกยางในช่วงต้นฤดูฝน
ในสภาพดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์หรือในเขตแห้งแล้งไม่ควรปลูก พืชคลุมทิ้งไว้ข้ามฤดูกาลก่อนการปลูกยาง
เพราะพืชคลุมอาจทำความเสียหายให้กับต้นยาง โดยแย่งความชื้นในดินในช่วงฤดูแล้ง |
|
การปฏิบัติดูแลรักษาพืชคลุม |
ควรกำจัดวัชพืชก่อนปลูก และใส่ปุ๋ยบำรุงพืชคลุม
ในเขตแห้งแล้งหรือสภาพดินทราย ควรใส่ปุ๋ย เพื่อเร่งให้พืชคลุม
เจริญเติบโตในระยะแรก หลังจากที่ปลูก 2 เดือน โดยโรยปุ๋ยเคมีสูตร
15-15-15 หรือปุ๋ยยางอ่อนอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ข้างพืชคลุม
หลังจากนั้นโรยปุ๋ยหินฟอสเฟตอัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านในบริเวณพืชคลุมทุกปีในช่วงฤดูฝน |
|
3. การใช้ปุ๋ยในสวนยาง |
การใส่ปุ๋ยยางพาราก่อนเปิดกรีด |
ปุ๋ยยางพาราก่อนเปิดกรีด คือ
ปุ๋ยที่ใส่ตั้งแต่เริ่มปลูกจนต้นยางได้ขนาดกรีด ปุ๋ยที่ใช้ ได้แก่
ปุ๋ยรองก้นหลุม และ ปุ๋ยบำรุง |
ปุ๋ยรองก้นหลุม
เป็นปุ๋ยที่เร่งให้รากงอกและแผ่ขยายเร็ว ปุ๋ยรองก้นหลุมที่แนะนำใช้ในสวนยางได้แก่
ปุ๋ยหินฟอสเฟต (0-3-0) เป็นปุ๋ยที่ผลิตได้ในประเทศ มีปริมาณฟอสเฟตทั้งหมดประมาณร้อยละ
25 มีปริมาณฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ร้อยละ 3 วิธีใส่ ปุ๋ยรองก้นหลุม
โดยขุดดินแยกเป็น 2 ส่วนคือ ดินชั้นบนและดินชั้นล่าง ใช้ดินบนกลบลงในหลุมก่อน
ส่วนดินล่างใช้คลุกกับปุ๋ยหิน ฟอสเฟต อัตรา 170 กรัมต่อหลุม แล้วกลบดินล่างที่คลุกปุ๋ยลงไปให้เต็มหลุมในเขตแห้งแล้งแนะนำให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุม
เพิ่มในอัตรา 5 กิโลกรัมต่อต้น ซึ่งจะมีผลทำให้ต้นยางมีอัตราการรอดตายสูงและการเจริญเติบโตในช่วงแรกดีขึ้น
|
ปุ๋ยบำรุง
เป็นปุ๋ยที่ใส่เพื่อเร่งให้ต้นยางเจริญเติบโตเร็ว สามารถเปิดกรีดได้เร็วขึ้นและให้ผลผลิตสูง
ปุ๋ยบำรุงที่แนะนำ ใช้ในสวนยางก่อนเปิดกรีด จำนวน 2 สูตร คือ |
สูตร 20-8-20 สำหรับดินทุกชนิดในเขตปลูกยางเดิม
|
สูตร 20-10-12 สำหรับดินทุกชนิดในเขตปลูกยางใหม่
|
|
โดยสูตรปุ๋ยสำหรับดินปลูกยางในเขตปลูกยางเดิม
มีอัตราปุ๋ยที่ใส่แตกต่างกันตามชนิดของเนื้อดิน ส่วนในเขต ปลูกยาง
ใหม่ และเขตแห้งแล้งแนะนำอัตราปุ๋ยเหมือนกันในดินทุกชนิด และควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี
|
|
สูตรปุ๋ย เวลา และอัตราปุ๋ยเม็ดสูตรสำเร็จที่ใช้กับต้นยางก่อนเปิดกรีด |
ปีที่ |
อายุต้นยาง
1/ (เดือน) |
เขตปลูกยางเดิม |
เขตปลูกยางใหม่ |
ปุ๋ยเคมี
20-8-20 (กรัม/ต้น)
|
ปุ๋ยเคมี
20-10-12 (กรัม/ต้น) |
ปุ๋ยอินทรีย์
(กก./ต้น) |
ดินร่วนเหนียว |
ดินร่วนทราย |
ดินทุกชนิด |
ดินทุกชนิด |
1
|
2 |
70 |
100 |
60 |
1 |
5 |
100 |
140 |
80 |
- |
11 |
130 |
170 |
100 |
- |
2
|
14 |
150 |
200 |
110 |
2 |
16 |
150 |
210 |
110 |
- |
23 |
150 |
210 |
120 |
- |
3
|
28 |
230 |
320 |
180 |
2 |
36 |
230 |
320 |
180 |
- |
4
|
40 |
240 |
330 |
180 |
2 |
47 |
240 |
330 |
180 |
- |
5
|
52 |
260 |
360 |
200 |
2 |
59 |
260 |
360 |
200 |
- |
6
|
64 |
270 |
370 |
200 |
2 |
71 |
270 |
370 |
200 |
- |
|
หมายเหต : 1/ เวลาใส่ปุ๋ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับความชื้นในดิน |
|
ในขณะที่ต้นยางยังเล็กควรใส่ปุ๋ยบริเวณรอบโคนต้นยางในรัศมีทรงพุ่มใบ
หลังจากนั้นเมื่อต้นยางอายุ 2 ปีขึ้นไป ใส่เป็นแถบ 2 ข้าง ในบริเวณระหว่างแถวยางตามแนวทรงพุ่มของต้นยาง
โดยวิธีคราดกลบให้ปุ๋ยอยู่ใต้ผิวดิน หรือขุดหลุมลึกประมาณ เซนติเมตร
จากผิวดิน จำนวน 2 หลุมต่อต้น |
|
การใส่ปุ๋ยยางพาราหลังเปิดกรีด
|
เมื่อต้นยางเปิดกรีดได้แล้ว
ยังมีความจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยต่อไปทุกปี เพื่อให้ผลผลิตสูงสม่ำเสมอ
ปุ๋ยยางพาราหลังเปิด กรีดที่แนะนำคือ ปุ๋ยสูตร 30-5-18 ใช้ได้กับดินทุกชนิด
ทั้งในเขตปลูกยางเดิมและเขตปลูกยางใหม่ สำหรับดินที่ขาดธาต ุแมกนีเซียมควรใส่ปุ๋ยคีเซอไรท์
เพิ่มในอัตรา 80 กรัมต่อต้นต่อปี อย่างไรก็ตาม สวนยางที่ปลูกพืชคลุมดินระหว่างแถวยาง
และใส ่ปุ๋ย บำรุงต้นยางและ พืชคลุมดินสม่ำเสมออาจ ไม่ต้องใสปุ๋ยบำรุงต้นยาง
ในช่วง 2 ปีแรกที่เปิดกรีด หากในดินและใบยางมีปริมาณธาตุ อาหารเพียงพอ
ทั้งนี้จากปุ๋ยที่ใส่ให้แก่ต้นยางในระยะยาง อ่อนยังมีผลตกค้างในดินเป็นเวลา
2 ปี |
การใส่ปุ๋ยให้แก่ต้นยางที่เปิดกรีดแล้ว
แนะนำให้ใส่ปุ๋ยอัตรา1 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ
ละ 500 กรัมต่อต้น ครั้งแรกใส่ในต้นฤดูฝนหลังจากยางผลัดใบ ขณะที่ใบเพสลาด
คือ ประมาณปลายเดือนเมษายน - พฤษภาคม และครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ย ประมาณเดือนสิงหาคม
-กันยายน โดยหว่านปุ๋ยในบริเวณห่างจากโคนต้นยางประมาณ 3 เมตร หรือบริเวณกึ่งกลางระหว่างแถวยาง
คราดกลบให้ปุ๋ยอยู่ใต้ผิวดินที่ ระดับความลึกประมาณ 5 10 เซนติเมตร
|
|
การผสมปุ๋ยเคมีใช้เอง |
ปุ๋ยผสม หมายถึง ปุ๋ยที่ได้จากการนำเอาปุ๋ยเชิงเดี่ยว
หรือปุ๋ยเชิงประกอบที่เป็น แหล่งของธาตุ อาหารหลักของยางพารา มาผสมกันให้มีเนื้อธาตุอาหารตามสูตรที่ต้องการ
ปุ๋ยที่นำมาใช้ในการผสมเรียกว่า แม่ปุ๋ย ชนิดของแม่ปุ๋ยที่ใช้ในการผสมปุ๋ยเคมีใช้เอง
ที่หาซื้อได้สะดวก และราคาถูกกว่าแม่ปุ๋ยชนิดอื่น ได้แก่ |
- ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต สูตร 18-46-0
- ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0
- ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ สูตร 0-0-60
|
ในการผสมปุ๋ยสูตรต่าง ๆ น้ำหนัก 100
กิโลกรัม ใช้ปริมาณแม่ปุ๋ยและสารตัวเติม แต่การผสมปุ๋ยใช้เอง ไม่แนะนำให้ใช้
สารตัวเติม เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักโดยไม่จำเป็น ทำให้เพิ่มแรงงาน
และค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ย แสดงดังตาราง |
ตารางแสดงปริมาณแม่ปุ๋ยและสารตัวเติมในการผสมปุ๋ยน้ำหนัก
100 กิโลกรัม |
สูตรปุ๋ย |
ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต
18-46-0 |
ยูเรีย 46-0-0
|
โพแทสเซียมคลอไรด์
0-0-60
|
สารตัวเติม 1/
ทราย ดินร่วน |
20-8-20 |
18 |
38 |
34 |
10 |
20-10-12 |
22 |
36 |
20 |
22 |
30-5-18 |
10 |
60 |
30 |
- |
|
หมายเหต :ุ 1/ ในการผสมปุ๋ยใช้เอง ไม่แนะนำให้ใช้สารตัวเติม |
สูตรปุ๋ย เวลา และอัตราปุ๋ยผสมใช้เอง
สูตร 20-8-20 ที่ใช้กับต้นยางก่อนเปิดกรีด (เขตปลูกยางเดิม)
และสูตร 20-10-12 (เขตปลูกยางใหม่) |
|
ปีที่ |
อายุต้นยาง
(เดือน)
|
เขตปลูกยางเดิม |
เขตปลูกยางใหม่ |
ปุ๋ยผสมใช้เอง
20-8-20 (กรัม/ต้น)
|
ปุ๋ยผสมใช้เอง
20-10-12 (กรัม/ต้น) |
ปุ๋ยอินทรีย์
(กก./ต้น)
|
ดินร่วนเหนียว |
ดินร่วนทราย |
ดินทุกชนิด |
ดินทุกชนิด |
1
|
2 |
60 |
90 |
50 |
1 |
5 |
90 |
130 |
70 |
- |
11 |
120 |
150 |
80 |
- |
2
|
14 |
140 |
180 |
90 |
2 |
16 |
140 |
190 |
90 |
- |
23 |
140 |
190 |
100 |
- |
3
|
28 |
210 |
290 |
140 |
2 |
36 |
210 |
290 |
140 |
- |
4
|
40 |
220 |
300 |
140 |
2 |
47 |
220 |
300 |
140 |
- |
5
|
52 |
240 |
330 |
160 |
2 |
59 |
240 |
330 |
160 |
- |
6
|
64 |
250 |
340 |
160 |
2 |
71 |
250 |
340 |
160 |
- |
|
|
4. การตัดแต่งกิ่ง |
ยางพาราจำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง
เพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่บริเวณลำต้นให้เหมาะสมที่จะใช้กรีดยางได้
การตัดแต่งกิ่ง ที่ดีจะช่วยให้ต้นยางมีทรงพุ่มแข็งแรง ลดปัญหาความเสียหายที่เกิดจากลม
ต้นยางพาราที่มีทรงพุ่มดีจะมีการเจริญเติบโตได้เร็ว ให้ผลผลิตสูงและต่อเนื่องในช่วงหลังเปิดกรีดได้ยาวนาน
|
ในช่วง 1-2 ปี หลังจากปลูกยาง
จำเป็นต้องลิดกิ่งแขนงที่แตกออกจากลำต้นขณะที่กิ่งยังอ่อน โดยใช้กรรไกร
ตัดแต่งกิ่งที่คม เพื่อป้องกันการฉีกขาดของเปลือกยาง และตัดให้ชิดลำต้น
จนกระทั่งความสูงของลำต้นประมาณ 2 เมตร จึงหยุดการตัดแต่งกิ่ง |
|
|